Step 2
ยังคงทำActive Income แต่เริ่มสร้าง Passive Income
มาสมทบให้มากกว่าค่าใช้จ่าย
ในขั้นตอนนี้นะครับ เราจะต้องทำงานประจำไปควบคู่กับการสร้างPassive Income เาจะต้องเริ่มแบ่งเวลาไปสร้างทรัพย์สินแบบที่คุณต้องการ เพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นมาอีกทาง เราจะมีรายรับควบคู่กันไปทั้งจาก Active Income และ Passive Income เพื่อให้มีรายได้รวมมากกว่ารายจ่าย
สิ่งที่สำคัญในขั้นตอนนนี้นั้นก็คือ เราจะต้องหดค่าใช้จ่ายลง หรือตัดค่าใช้จ่ายที่เกินความจำเป็นออกไป สิ่งนี้จะช่วยให้เราก้าวไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้เร็วขึ้น
ในส่วนของการทำงานประจำ เราต้องยอมทำโอทีให้น้อยลง รับงานน้อยลง หรือเปลี่ยนไปทำงานที่ทำให้มี "เวลา" เพิ่มมากขึ้นก็ได้นะครับ
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะได้นำเงินและเวลา (หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง) เพื่อไปสร้างทรัพย์สินให้เกิดรายได้เพิ่มเข้ามา เท่านี้เราก็จะเริ่มมีรายได้ที่เกิดจาก Passive Income แล้วครับ
จำเอานะครับว่า แม้ Passive Income ตอนแรกมันจะได้น้อยนิดแค่ไหนก็ตาม คุรก็ต้องเริ่มทำไม่ใช่เห็นว่ารายได้แบบ Passive Income ได้น้อยจัง รู้สึกว่าไม่คุ้มค่าก็เลยไม่ทำ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเราจะติดคุก Active Income หรือการทำงารที่ต้องเอาแรงและเวลาไปแลกทั้งชีวิต
ยกตัวอย่างเช่น เมื่อก่อนเราอาจมีรายได้จากงานประจำ 25,000 บาท รายได้จากค่า OT 15,000 บาท รวมเป็นรายได้ 40,000 บาทต่อเดือน มีรายจ่ายประจำอยูที่ 30,000 บาทต่อเดือน เหลือเป็นเงินเก็บ 10,000 บาท
ระหว่างนี้เราเริ่มแบ่งเวลา เสาร์อาทิตย์ หรือหลังเลิกงานบางวันไปสร้างทรัพย์สินที่สร้างรายได้ให้เราเป็น Passive Income เดือนละ 10,000 บาท
สมมติว่า เราไม่อยากทำ OT แล้ว เพราะอยากเพิ่มเวลาว่างๆ ทำให้รายได้จากงานประจำลดลงไปเหลือ 25,000 บาท เมื่อรวมกับรายได้จาก Passive Income อีก 10,000 บาทก็เท่ากับว่าเรามีรายได้ 35,000 บาท ซึ่งเพพียงพอต่อค่าจ่ายประจำในแต่ละเดือนของเรา คือ 30,000 บาท และยังมีเงินเหลือเก็บอีก 5,000 บาท
ทีนี้เราก็จะมีเวลาเพิ่มขึ้น เพื่อไปสร้างทรัพย์สินเพิ่ม เพื่อให้รายได้จากทรัพย์สิน หรือจาก Passive Income เพิ่มขึ้นไปอีกครับ
จุดนี้คือหนึ่งในจุดที่ยากที่สุดของการหลุดจากสนามแข่งหนู (Rat Race) ของงานประจำเพราะเงินเก็บของเราดูเหมือนจะลดลง รายได้ก็ดูเหมือนจะลดลง เราจึงรู้สึกไม่ปลอดภัย
ในช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เราเหนื่อยกว่าเดิม เพราะต้องแบ่งเวลาไปสร้าง Passive Income แถมยังต้องบีบบรายจ่ายลงมาอีก หลายคนจึงก้าวข้ามตรงจุดนี้ไปไม่ได้ สุดท้ายก็ล้มเลิกและยอมกลับไปขายวิญญาณเหมือนเดิม
ผมเข้าใจนะครับ เพราะผมเองก็เป็นมาก่อน
แต่ผมอยากบอกว่า คุณต้องทำด้วนความ "เข้าใจ" ไม่ใช้"อารมณ์"
คุณต้องเข้าใจก่อนว่าที่เราทำมันอยู่ทุกวันนี้
"เราทำไปเพื่ออะไร เพื่อใคร "
แต่ถ้าเราใช้แต่อารมณ์ทำ เราจะล้มเลิกได้ทุกเมื่อ
อดทนเอาหน่อยนะครับ เพราะผลลัพธ์ที่จะได้มานั้น
"คุ้มค่าแน่นอน"
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น