ช่องทางที่ 2
-อสังหาริมทรัพย์-
รายได้ที่เกิดจากการถือครองอสังหาริมทรัพย์นั้นคล้ายๆ กันกับหุ้น มีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ
รายได้ที่เกิดจากการขายในราคาที่สูงกว่าตอนที่ซื้อ และรายได้ที่เกิดจากค่าเช่า
รายได้ส่วนที่ถือว่าเป็น Passive Income จากอสังหาริมทรัพย์นั้น ต้องเป็นรายได้จากการสร้างกระแสเงินสด (Cash Flow)หมายความว่าทรัพย์สินนั้นต้องสร้างเงินไหลอย่างต่อเนื่อง ยกตัวอย่างเช่น
บ้านเช่า ที่ดินให้เช่า
ส่วนรายได้ที่เกิดจากการซื้อขายเพื่อเก็งกำไร แบบนี้ไม่ใช้ Passive Income แต่เป็น Active Income สิ่งที่สำคัญในการเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ นั้นคือ "ทำเล" อสังหาที่จะสร้าง Passive Income ให้ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง สม่ำเสมอนั้นต้องตั้งอยู่บน "ทำเลที่ดี"
สงสัยมั๊ยครับว่าแล้วไอ้ทำเลที่ดี เค้าดูกันอย่างไร จริงๆแล้วเราสามารถดูได้จากหลัก 4Es ดังนี้
E ที่ 1 คือ Entertainment
E ที่ 1 คือ Entertainment
ต้องเป็นแหล่งชุมชน เป็นย่านที่ค่อนค้างคึกคักเป็นศูนย์รวมของผู้คนมีคนเดินทางมายังแหล่งนี้อย่างหนาแน่นมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ช้อปปิ้งมอลล์ สถานบันเทิง
E ที่ 2 คือ Education
E ที่ 3 คือ Employment
ต้องมีแหล่งจ้างงาน เช่น นิคมอุตสาหกรรม ออฟฟิต สถานที่ราชการ ซึ่งจะทำให้มีผู้คนเดินทางมาทำงานในบริเวณนี้เป็นจำนวนมากและ เกิดเป็นสังคมขยายจากการที่ผู้คนเข้ามาพักบริเวณใกล้ๆที่ทำงานเหล่านี้
E ที่ 4 คือ Express
E ที่ 4 คือ Express
ถ้าเรามองหาอสังหาริมทรัพย์ในโซนของ 4Es นี้ได้ ก็เท่ากับว่าเราพบอสังหาริมทรัพย์ที่มีผู้คนต้องการเข้ามาพักอาศัย ประกอบกิจการ หรือทำธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์นี้ก็จะสร้างรายได้กลับคืนมาสู่เรานั่นเอง นอกจากนี้บางทำเลยังสร้างรายได้ให้กับคุณได้อย่างเหนือความคาดหมาย แต่อย่างไรก็ตามมีเรื่องที่คุณต้องรู้ไว้อีกเรื่องคือ อสังหาริมทรัพย์นั้นมีสภาพคล่องค่อนข้างต่ำ หมายความว่าการซื้อขายนั้นไมาสามารถทำได้ง่ายๆ เช่น เมื่ออยากขายที่ดินสักแปลงหนึ่ง ก็ไม่ใช่ว่าวันสองวันจะขายได้ทันที ต้องรอเวลาสักพักใหญ่ อาจมีผู้สนใจหลายคน กว่าจะซื้อได้
อสังหาที่มีศักยภาพในการสร้าง Passive Income ที่สูงนั้นมักมีสภาพคล่องต่ำ ที่ดินที่สร้าง
Passive Income ที่ดีมากค่อนข้างเสถียร เราเกี่ยวข้องน้อย และสัญญาก็หลายปี ปต่วื้อขายยาก บ้านเช่า ค่าเช่าอาจถูกหน่อย แต่ปล่อยเชเ่าง่ายกว่า ซื้อขายได้คล่องกว่า
อีกปัจจัยที่มีผลต่ออสังหาริมทรัพย์ รองลงมาจากทำเลก็คือ "แบรนด์" ถ้าอยู่ในทำเล
เดียวกันอสังหาที่มีแบรนด์ดีกว่า เปผ้นที่ยอมรับกว่า และได้รับความไว้วางใจมากกว่า(และยิ่งราคาใกล้เคียงกัน)ก็จะมีคนสนใจมากกว่า และมีสภาพคล่องที่ดีกว่าด้วย
คำแนะนำในการเริ่มสำหรับพนักงานประจำคือ คุณต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่า ต้องการรายได้
Passive Income จากอสังหาริมทรัพย์เท่าไหร่ เพื่อจะได้รู้ว่าจะเลือกลงทุนกับทรัพย์สินประเภทใด จำนวนเท่าไหร่ แล้วจึงวางแผนลงทุนซื้ออสังหาริมทรัพย์
คุณอาจเริ่มจากลงทุนคอนโดสัก 1 ห้องแล้วสะสมเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆหรือขยับขยายไปเป็นบ้านตึกแถว ที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์ที่ใหย่ขึ้นเรื่อยๆก็ได้ครับ
อีกทางเลือกนึงก็คือการลงทุนใน Property Fund หรือกองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีให้เลือกมากมายซึ่งนอกจากจะมีความเสี่ยงน้อยกว่าแล้วยังมีผลตอบแทนค่อนข้างสม่ำเสมอ แม้ว่าอาจจะไม่สูงเท่ากับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นทรัพย์จริงๆ แต่ถ้าไม่มีประสบการณ์ ไม่อยากเสี่ยง ก็นำเงินเท่าที่เรามีไปให้มืออาชีพทำงานให้ แบบนี้ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีมากๆทางหนึ่ง ค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆก็จะทำให้คุณมี Financial Freedom ได้เร็วขึ้นครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น