ช่องทางที่ 1
-เงินต่อเงิน-
(Financial Asset)
ถ้าจะให้อธิบายแบบง่ายๆก็คือ การใช้เงินต่อเงินนั่นเอง ซึ่งมีด้วยกันอยู่หลายวิธี ความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ได้ก็แตกต่างกัน ส่วนมีช่องทางงอะไรบ้างนั้นผมจะจัดเรียงตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำสุดไปจนถึงมากสุด ที่นำไปสู่ผลตอบแทนที่สูงที่สุดเช่นกัน ได้แก่
- ฝากธนาคาร
- พันธบัตรรัฐบาล
- ประกันชีวิตแบบสะสมทรัพย์
- กองทุนรวม
- หุ้นกู้
- หุ้นปันผล
ที่จริงผมเองก็เป็นหนึ่งในหลายๆคนนะครับที่คิดว่าการเล่นหุ้นมีไว้สำหรับคนรวยเคยได้ยินมั๊ยคำพูดที่ว่า "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น"นี่แหละคือสิ่งที่ผมคิดและยังมองว่า"หุ้นคือการพนัน"
ทำให้คนต้องเสียเงินจนหมดเนื้อหมดตัว
ทำไมถึงคิดแบบนั้น? คำตอบคือ ไม่มีความรู้จริงไงครับแต่พอเวลาผ่านไป ได้ศึกษาอย่างจริงจัง มีความรู้มากขึ้นจึงทำให้ได้รู้ว่ามีคนที่เขาประสบความสำเร็จจากการเล่นหุ้นแถมไม่ใช่แบบการพนันด้วย แต่ละคนล้วนร่ำรวยอย่างมั่นคง และที่สำคัญชีวิตสุขสบายเป็นอิสระ อย่างที่หลายคนต้องการเลย
การเล่นหุ้นนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบคือ Trader และ Investor อธิบายง่ายๆ
- Trader นั้นจะเน้นไปที่การซื้อขายของราคาต่อหน่วยของหุ้น หากมองเห็นว่ามีกำไร Trader ก็จะทำการขายออกไปภายในเวลาเพียงไม่นาน ไม่กี่เดือน หรือ ไม่กี่วัน บางคนถึงขั้นไม่กี่นาที
- Invester นั้นจะเน้นไปที่การถือครองไว้นานๆเหมือนเป็นการซื้อกิจการนั้นๆ แล้วเติบโตไปด้วยกัน ได้รับทั้งเงินปันผลและส่วนต่างของราคาหุ้น ส่วนใหญ่มักจะถือเก็บไว้เป็นเวลานานเกิน 1 ปีบางคนเกิน 5ปี 10ปี 20ปี หรือตลอดไปก็มี
Capital Gain & Cash Flow
ผมอยากให้คุณเข้าใจเกี่ยวกับการมองเห็นมูลค่าของทรัพย์สินต่างๆก่อนว่า มูลค่าดังกล่าวมีด้วยกัน 2 แบบคือ Capital Gain และ Cash Flow อธิบายง่ายๆแบบนี้ครับ
- Capital Gain คือการคาดหวังราคาที่เพิ่มมากขึ้นเช่น การซื้อขายที่ดินเพื่อเก็งกำไร โดยหวังว่าคนที่จะมาซื้อคนต่อไปจะให้ราคาที่สูงขึ้น นอกจากที่ดินแล้ว การเก็งกำไรทอง การเก็งกำไรหุ้น น้ำมัน ภาพวาดหรือทรัพย์สินใดๆ ที่หวังว่าซื้อมาในราคาหนึ่งแล้วจะขายในราคาที่สูงขึ้น ก็นับว่าเป็นทรัพย์สินที่ให้ Capital Gain ทั้งสิ้น
- Cash Flow คือกระแสเงินสดที่เกิดขึ้นระหว่างที่เราถือครองทรัพย์สิน เช่น การซื้อที่ดินเพื่อให้เช่า การซื้อบ้านเพื่อให้เช่า การลงทุนหุ้นแบบปันผล พูดง่ายๆ ก็คือมองกระแสเงินสดที่ ทรัพย์สินเหล่านั้นจะสร้งกลับมาเรื่อย
แล้วผมแนะนำการเล่นหุ้นแบบไหน? Trader หรือ Investor ที่จริงแล้วมันก็ดีทั้งสองแบบนั่นแหละครับ มันขึ้นอยู่กับโจทย์ของแต่ละคนมากกว่า แต่ที่ผมเลือกและเข้ากับชีวิตอิสระ ก็คือเป็น Investor ที่ลงทุนแบบ Value Investing หรือ VI นั่นแหละครับ ที่ผมเลือกแบบVI ก็คงเพราะผมชอบที่จะมี Passive Income ถือเอาไว้แบบยาวๆ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น