ธุรกิจเครือข่าย
ลิขสิทธิ์ทางปปัญญาอีกทางหนึ่งที่คนส่วนมากไม่เข้าใจจริงๆ และมักมองข้าม คือ Network Marketing ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยมาก แต่สามารถใช้ปัญญาในการสร้างทรัพย์สิน และสร้าง Passive ที่ Massive
ถ้าให้ผมพูดแบบตรงไปตรงมา สำหรับพนักงานประจำ ธุรกิจนี้แทบจะเป็นทางเลือกเเดียวที่ทำให้คุณมี Financial Freedom ได้ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด
คนส่วนใหญ่ไม่ชอบธุรกิจเครือข่ายเพราะธุรกิจนี้มีคนรู้จักเยอะ
แต่มีคนรู้จริงน้อยมากถึงมากที่สุด
ผมเคยคิดนะครับว่าธุรกิจนี้เป็นการขายของ ต้องง้อ ตื้อ สาธิตสินค้า เป็นธุรกิจเล็กๆของคนที่ไม่มีอะไรทำ ถ้าทำแล้งต้องเสียเพื่อน เสียชื่อเสียง ฯลฯ
อย่างที่บอกครับว่าธุรกิจนี้คนรู้จักเยอะ แต่คนรู้จริงน้อย(มาก) คำถาม แล้วจะรู้ได้ไงว่าใครรู้จัก ใครรู้จริง ง่ายมากครับดูกันที่ผลลัพธ์
คนที่รู้จัก จะไม่มีผลลัพธ์ ส่วนคนรู้จิง มีผลลัพธ์ ถ้าคุณเจอคนรู้จัก คุณอาจเข้าใจว่านี่คือธุรกิจเล็กๆ หาผู้บริโภค และนักขาย แตาถ้าคุณเจอคนรู้จริง คุณจะได้รู้วิธีสร้าง Passive ตั้งแต่ 5-8 หลักต่อเดือน ผมเชื่อว่าไม่มีใครที่เข้าใจธุรกิจนี้ตั้งแต่แรก ไม่มีใครหรอกที่โตมาแล้วอยากเป็นธุรกิจเครือข่าย
ผมได้มารู้ทีหลังว่า มันมีวิธีการทำที่ไม่ใช่การตื้อขายของแบบที่ผมรู้มา และที่สำคัญธุรกิจนี้ทำให้เกษียณได้ไวที่สุดในบรรดาทุกธุรกิจและทุกการลงทุนที่ผมเคยทำ (ย้ำอีกที่ว่าต้องทำถูกที่
ทำถูกบรษัท เพราะไม่ใช่ทุกที่ ที่ให้ผลลัพธ์แบบนี้ได้)
ในมุมนี้ผมมองว่า ยิ่งมีคนไม่ชอบ ไม่เข้าใจธุรกิจมากเท่าไหร่ แปลว่านั่นเป็นโอกาสที่ดมากเพราะถ้าใครคิดว่าดี เขาก็คงทำกันหมดละ อย่างนั้น เราก็ไม่รู้จะไปชวนใครแล้ว
สาเหตุที่ผู้คนมีมุมมองที่ค่อนข้างลบ กับธุรกิจนี้ ก็เพราะมันเป็น"การลงทุนที่ต่ำ"(ซึ่งจริงๆแล้วเป็นข้อดี) ค่าสมัครไม่กี่ร้อย ไม่จำกัดคุณสมบัติใดๆ ประวัติส่วนตัวอะไรก็ไม่ต้องเช็ก ใครๆก็ทำได้การคัดกรองน้อย คนเลยเข้ามาง่าย สไตล์การทำก็หลากหลายมีทั้งมือทั้งมืออาชีพและสมัครเล่น
แต่นั่นแหละครับ เมื่อเขเ้าง่ายและมีคนทำเยอะ วิธีการทำก็ไม่เหมือนกัน และส่วนใหญ่ทำกันไม่เป็นเพราะยังไม่เข้าใจระบบธุรกิจนี้ดีพอ พอทำแล้วไม่สำเร็จ ก็กลับมาต่อว่าธุรกิจ นี้เพิ่มเข้าไปอีกว่าไม่เห็นจะดีจริงเลย (ทั้งที่จริงอาจจะเป็นเพราะเราไม่ตั้งใจลงมือทำน้อยไป ไม่มืออาชีพเอง)
ถามว่าถ้าธุรกิจนี้ต้องลงทุน 10 ล้านบาทคนที่เข้ามาจะเลิกทำไหม? เขาจะตั้งใจเรียนรู้ไหม?ผมว่าเขาจะตั้งใจสุดๆชนิดที่ว่าอย่ามาหหยุดข้าถอยไป! เครื่องจักรกำลังทำงาน!!! 555+
ผมเข้าใจครับว่าสิ่งที่คนเราตัดสิน ล้วนมาจากข้อมูลที่ได้รับจากอดีต ถ้าเจอธุรกิจเครือข่ายมาแบบไม่ดี ก็ไม่แปลกที่จะเข้าใจธุรกิจนี้ว่าไม่น่าสนใจ แต่ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ธุรกิจครับ แต่อยู่ที่
"คนที่เข้าไปทำธุรกิจ"(บางคน) เพราะถ้าคุณเรียนรู้จนเข้าใจในระบบและวิธีการของธุรกิจนี้เป็นอย่างดีคุณจะไม่เป็นแบบคนที่คุณไม่ชอบเลย
ถ้าคุณไดลองหาข้อมูลดูจะพบว่า นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นักเขียน โค้ช(ไม่ว่าจะในไทยหรือระดับโลก) เช่น T.Harv Eker , Jack Canfield , jim Rohn , Bill Clinton , Robert Kiyosaki , Richard Branson , Brian Tracey ทุกคนต่างสันบสนุนระบบธุรกิจเครือข่าย นั่นเองที่ทำให้ผมต้องกลับมาลองศึกษาว่าธุรกิจเครือข่ายมีดีอย่างที่พวกเขาว่าจริงๆเหรอ?
เดี๋ยวเรามาลองดูกันว่าธุรกิจนี้มีดีอะไร?
ทุกธุรกิจจะมีการทำที่มีขนาดดแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นระดับ S M L XL ธุรกิจเครือข่ายก็เช่นกันครับ
ถ้ามีคนถามว่า "ผมอยากมีรายได้เดือนละ 1 ล้านบาทภายใน 3-5 ปี และที่สำคัญเงินทุนมีไม่เยอะ" ผมขอตอบเลยว่ามีเพียงทางเลือกเดียวที่จะทำได้ก็คือ คุณต้องทำ"ธุรกิจเครือข่าาย"เท่านั้น
ไม่ใช่ว่าวิธีการสร้าง Passive Income ในแบบอื่นๆมันทำเงินล้านไม่ได้นะครับ มันทำได้แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก และที่สำคัญใช้เวลานานกว่า 5 ปีอย่างแน่นอน
ฉะนั้นถ้า"โจทย์"ของคุณคือเกษียณเร็ว ภายในเวลารวดเร็ว ลงทุนต่ำ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากธุรกิจเครือข่ายเท่านั้นครับ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องถูกที่ ถูกบริษัทเท่านั้น เพราะแตละบริษัทมีระบบการจ่ายผลตอบแทนที่ไม่เหมือนกัน บางที่ไม่มีแผนสร้าง Passive Income ด้วยซ้ำ
ถ้าอย่างนั้น จะเลือกอย่างไรล่ะ?
ผมต้องบอกก่อนว่า ไม่มีบริษัทไหนดีที่สุด มีแต่บริษัทไหนตอบโจทย์ของคุณได้มากที่สุดต่างหาก เพราะฉะนั้น คุณต้องมีเป้าหมายก่อนว่า ต้องการรายได้เท่าไหร่ ภายในเวลาเมื่อไหร่ แล้วค่อยไปดูว่าบริษัทไหนให้ได้แบบนี้ โดยเลือกบริษัทที่ให้ผลลัพธ์ตรงความต้องการของเรา หรือง่ายกว่านั้นก็คือ ให้ดูคนที่เขาทำบริษัทนั้นมาก่อนคุณว่าเขาได้ผลลัพธ์แบบที่เราอยากได้มั๊ย? แล้วค่อยมาพิจารณาว่าบริษัทนั้นมี Vision และ Logic ที่ดีหรือไม่?
เมื่อเจอบริษัทที่ตอบโจทย์แล้ว ให้ปรึกษาคนที่เขาสำเร็จแล้ว ได้ผลลัพธ์แล้ว เขาจะแนะนำ ให้คุณสำเร็จได้เพราะเขาว่ายถึงฝั่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือ ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทุกครั้งที่เกิดสภาวะแบบนี้ สิ่งที่มักจะเกิด ขึ้นตามมาเสมอก็คือ Money Game ที่สร้างความเสียหาย ทำให้ผู้คนหลงเชื่อ ต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก เพราะความรู้เทเ่าไม่ถึงการณ์ เพราะ Money Game จะคล้ายกับโมเดลของธุรกิจเครือข่าย เมื่อหลายคนหลงเข้าไปทำ ในที่สุดก็ต้องเสียเงิน ทำให้เกิดการเหมารวมว่า นี่ไง! โดนธุรกิจเครือข่ายหลอก
ถ้าเป็นธุรกิจเครือข่าย เขาจะมีรูปแบบการทำธุรกิจและหารายได้ออกแบบไว้ระยะยาวนานมาก
แต่ถ้าเป็น Money Game รูปแบบและแผนการทำธุรกิจ จะดูไม่ออกเลยว่าจะยั่งยืนไปได้นานได้อย่างไรจึงเน้นที่ค่าแรกเข้าเป็นจำนวนเงินสูงมาก แต่กลับไม่เน้นบริโภคระยะยาว
ถ้าเป็นธุรกิจเครือข่าย จะมีสินค้าที่มีคุณภาพอยู่ในแผนธุรกิจแต่ถ้าเป็น Money Game จะไม่มีสินค้าที่จับต้องได้เลย หรือถ้ามี ก็ดูเลื่อนลอย ไม่น่าไว้วางใจ
วิธีที่คุณจะตรวจสอบได้ดีมากๆก็คือ
เดี๋ยวเรามาลองดูกันว่าธุรกิจนี้มีดีอะไร?
- ธุรกิจนี้สามารถตอบโจทย์คุณได้ในเรื่องของอิสรภาพทางการเงิน ไม่ว่าเป้าหมายของคุณจะคือเงินจำนวนเท่าไหร่ ภายในเวลาเท่าไหร่ ที่เหลือที่คุณต้องตัดสินใจก็คือ เลือกว่าจะเป็นหุ้นส่วนกับบริษัทใดที่ทำให้เป้าหมายนั้นประสบความสำเร็จ
- เริ่มต้นธุรกิจได้โดยไม่ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาลถ้าเป็นธุรกิจทั่วๆไป คุณต้องใช้เงินลงทุน ต้องสะสมเงิเนก้อนให้ได้ ถ้าไม่มีก็ต้องกู้ ถ้าธุรกิจดี ก็ดีไป ถ้าไม่ดี ก็หมดตัว แต่ธุรกิจนี้ค่าสมัครหลักร้อย แต่รายได้ไม่จำกัด ต่อให้ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็ยังได้ความรู้ติดตัวกลับมา
- ให้ทักษะการทำธุรกิจที่ดีมาก โดยเฉพาะคนที่ไม่เคยทำธุรกิจมาก่อน คุณจะมีพี่เลี้ยงที่มีประสบการณ์มากกว่า คอยช่วยเหลือ ฝึกฝนคุณซึ่งธุรกิจทั่วไป คุณต้องลุยเองลำพัง และหลายครั้งก็เจ็บตัว เพราะไม่มีคนบอกในสิ่งที่คุณควรรู้
- ขยายได้อย่างรวดเร็วแบบก้าววกระโดด(Scalability)และไม่จำกัด โดยใช้เงินและเวลาของคนอื่น ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับแฟรนไชส์อย่าง 7-11 และ Starbucks หรือจะเทียบกับ Startup ที่ประสบความสำเร็จเช่น Uber, Airbnb, Alibaba ที่เป็นการขยายโดยใชเงินคนอื่นและมีรายได้ทุกวินาที
ทุกธุรกิจจะมีการทำที่มีขนาดดแตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นระดับ S M L XL ธุรกิจเครือข่ายก็เช่นกันครับ
ธุรกิจเครือข่ายมีทั้งขนาดเล็กและขนานดใหญ่แต่คนส่วนมากจะรู้จักแต่วิธีการทำธุรกิจขนาด S และ M ซื้อกินซื้อใช้ ขายปลีกเป็นชิ้นๆ เพื่อรับส่วนต่างที่กำไร เพราะฉะนั้นคนอยากขาย เขาก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้ขาย ซึ่งคนส่วนใหญ่เขาเข้าใจแบบนี้แหละครับว่าธุรกิจเครือข่ายคือต้องขายของเพื่อกินกำไร ผมก็คิดว่าไม่ผิดนะถ้าเขาชอบแบบนั้น
แต่หลายคนไม่รู้ว่ามีวิธีอื่นที่ทำให้ธุรกิจเครือข่ายเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ได้โดยไม่ต้องขายของ
เขาก็เลยไปทำแบบเล็กๆตามๆกันไป ทั้งที่ไม่ชอบ
คนขายก็ไม่ชอบขาย คนถูกขายก็ไม่ชอบเหมือนกัน สุดท้ายคนเลยเหมาว่าธุรกิจแบบนี้สร้างความลำบากใจให้ทุกฝ่าย ซึ่งต้องบอกว่าน่าเสียดายครับ เพราะคน 95% ที่มาทำธุรกิจนี้ ทำกันเป็นแต่แบบเล็กๆ"คุณ"ก็เลยเห็นแต่แบบเล็กๆ
ถ้าใครก็ตามได้มาเรียนรู้ระบบการทำธุรกิจนี้เพิ่มเติมอีกนิด เขาจะเสียดายโอกาสของการทำธุรกิจนี้มากทีเดียว สำหรับผม ผมแนะนำว่าถ้าคุณอยากมี Passive Income 5-6 หลักต่อเดือน และลงทุนต่ำคุณต้องเลือกทำแบบ L (Network Builder) และถ้าคุณอยากที่จะเกษียณ 100% มี Passive Income 7-8 หลักต่อเดือน คุณต้องขยายให้เป็นไซส์ XL (Network Provider) ซึ่งได้ไม่ยากเลย บางทีอาจจะง่ายกว่า การทำขนาน S และ M ด้วยซ้ำ
กากรทำธุรกิจเครือข่ายไซส์ L และ XL นั้นเราจะไม่เน้นขาย แต่เราจะเน้นไปที่การขยายเครือข่าย ขยายไปจนเป็นโครงข่ายเหมือน Master Franchise ฟังดูเหมือนยาก แต่วิธีการทำง่ายนิดเดียว หลักการของมันคือมุ่งเน้นไปที่การสร้างคน (Human Asset)
ผมจะอธิบายคร่าวๆ ถึงภาพรวมของธุรกิจนี้ให็คุณลองพิจารณาว่าดีจริงรึเปล่า เป็นช่องทาง ที่จะทำให้คุณเกษียณได้เร็วที่สุดจริงหรือไม่ ลองดูครับ
แผนการจ่ายผลตอบแทนของธุรกิจเครือข่ายนั้นมีอยู่ 3 แบบ(คุณไม่เคยรู้มาก่อนใช่ไหม? นี่แหละครับที่ผมบอกว่าคนรู้จริงมีน้อยมากๆๆๆๆ ) ดังนี้
- Stair Step
- Binary
- Unilevel
อาจมีบางบริษัทที่นำไปปรับให้ดูแตกต่างเพิ่มรายละเอียดขึ้นมาบ้างนิดหน่อย แต่โดยพื้นฐานแล้วจะมาจาก 3 แผนนี้เท่านั้นครับ ซึ่งแผนที่จะทำให้คุณเกษียณได้อย่างสมบูรณ์แบบคือ แบบที่ 3 Unilevel
ย้อนกลับไปในอดีต ระบบขายตรงจะเน้นการขาย เป็นโครงสร้างแบบชั้นเดียว(Single Level) คนที่ทำธุรกิจนี้เราเรียกพวกเขาว่า เซลส์แมน หรือ พนักงานขาย ต่อมามีการวางโครงสร้างให้เป็นแบบหลายชั้น(Multi Level) แต่คนส่วนใหญ่ยังใช้ความรู้แบบเดิมๆก็เลยกลายเป็นการสรา้งทีมขาย
ในภายหลังธุรกิจเครือข่ายก็ยังคงเป็นโครงสร้างแบบหลายชั้น แต่เริ่มมีรายได้แบบ Passive Income แล้วครับ เริ่มมีความรู้ในการทำขนาด L และ XL แต่คนที่มีรายได้ 6-8 หลักยังมีไม่เยอะ แต่ก็เริ่มดึงดูดคนที่ Profile ดีๆ เข้ามาร่วมธุรกิจได้บ้างแล้ว
และในปัจุบันธุรกิจจี้ถือว่าสมบูรณ์แบบมาก สามารถสร้าง Passive Income ได้แล้ว มีระบบและความรู้ที่เสถียรบวกกับมีคนที่แชประสบความสำเร็จแล้วมากมาย
เพราะฉะนั้นหากอยากมีรายได้แบบ Passive Income จากธุรกิจเครือข่าย ก็ต้องไปเรียนรู้วิธีขยายให้เป็นแบบ Multi Level ไม่ใช่ Single Level และต้องทำไซส์ L กับ XL เท่านั้น
ผมไม่ได้บอกว่า Single Level ไม่ดีนะถ้าคุณชอบ แต่ถ้าหากต้องการอิสรภาพทางการเงินต้องทำแบบ Network Builder และ Network Provider เท่านั้น
จำไว้นะครับว่า ถ้าอยากเกษียณ ต้องเน้น "ขยาย" ไม่ใช่ "ขาย" เพราะถึงจะแตกต่างกันแค่ ย.ยักษ์ตัวเดียวแต่ผลลัพธ์นั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง
เคล็ดลับที่จะประสบความสำเร็จมีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น ถ้าคุณอย่างรูว่าคืออะไรเดี๋ยวผมจะบอกให้นั้นก็คือ "คุณต้องช่วยให้คนของคุณสำเร็จครับ เขาได้ คุณก็ได้ มีแค่นี้เอง สั้นๆง่ายๆ
สิ่งที่น่ายกย่องของ Model ธุรกิจนี้คือ คนที่คิดค้นระบบนี้ขึ้นมา
ถ้าเขาได้เร็ว เราก็ได้เร็ว ถ้าเขาได้มาก เราก็ได้มาก ถ้าเขาได้ล้าน เราก็ได้ล้าน แต่ถ้าเขาไม่ได้
เราก็ไม่สมควรจะได้ แค่นี้แหละครับหัวใจของธุรกิจเครือข่ายมีเพียงเท่านี้จริงๆ เป็นอะไรที่ผมชอบมากๆ เพราะไม่มีธุรกิจไหนที่ Win Win จริงๆ 100% ที่สำคัญคนอื่นต้อง Win ก่อน เราค่อย Win ผมถึงได้บอกไงครับว่ารู้จักกับรู้จริงนั้นต่างกันราวฟ้ากับเหว
ที่ผมทำได้เพราะ ผมมีทีมงานที่ดีคอยช่วย คอยสอน และผมก็ช่วนทีมงานต่อเช่นกัน ธุรกิจนี้จึงโตแบบยกกำลัง ผมจะยกตัวอย่างให้ดู สมมติเราหา Partner สร้างทีมงาน 5 คน เดือนต่อมาทีมงาน 5 คนของเราก็สร้างทีมงานมาอีก 5 คนไปเรื่อยๆโดยที่เราไม่ต้องสร้างแล้วนะครับและไม่ต้องขายของแม้แต่ชิ้นเดียวตัวเลขจะเป็นแบบนี้
เดือนหรือปีที่ จำนวนคน
1 5
2 25
3 125
4 625
5 3,125
รวม 3,905
นี่แค่เราสร้างทีมงานมาแค่ 5 คนนะแต่ยอดรวมทีมทั้งหมดของเรายังมีมากมายถึง 3,905 คนและที่สำคัญมันยังโตต่อไปเรื่อยๆแม้ว่าคุณจะหยุดได้แล้วก็ตามถ้ามีคนถามว่า "ผมอยากมีรายได้เดือนละ 1 ล้านบาทภายใน 3-5 ปี และที่สำคัญเงินทุนมีไม่เยอะ" ผมขอตอบเลยว่ามีเพียงทางเลือกเดียวที่จะทำได้ก็คือ คุณต้องทำ"ธุรกิจเครือข่าาย"เท่านั้น
ไม่ใช่ว่าวิธีการสร้าง Passive Income ในแบบอื่นๆมันทำเงินล้านไม่ได้นะครับ มันทำได้แต่ต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก และที่สำคัญใช้เวลานานกว่า 5 ปีอย่างแน่นอน
ฉะนั้นถ้า"โจทย์"ของคุณคือเกษียณเร็ว ภายในเวลารวดเร็ว ลงทุนต่ำ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากธุรกิจเครือข่ายเท่านั้นครับ แต่มีข้อแม้ว่า ต้องถูกที่ ถูกบริษัทเท่านั้น เพราะแตละบริษัทมีระบบการจ่ายผลตอบแทนที่ไม่เหมือนกัน บางที่ไม่มีแผนสร้าง Passive Income ด้วยซ้ำ
ถ้าอย่างนั้น จะเลือกอย่างไรล่ะ?
ผมต้องบอกก่อนว่า ไม่มีบริษัทไหนดีที่สุด มีแต่บริษัทไหนตอบโจทย์ของคุณได้มากที่สุดต่างหาก เพราะฉะนั้น คุณต้องมีเป้าหมายก่อนว่า ต้องการรายได้เท่าไหร่ ภายในเวลาเมื่อไหร่ แล้วค่อยไปดูว่าบริษัทไหนให้ได้แบบนี้ โดยเลือกบริษัทที่ให้ผลลัพธ์ตรงความต้องการของเรา หรือง่ายกว่านั้นก็คือ ให้ดูคนที่เขาทำบริษัทนั้นมาก่อนคุณว่าเขาได้ผลลัพธ์แบบที่เราอยากได้มั๊ย? แล้วค่อยมาพิจารณาว่าบริษัทนั้นมี Vision และ Logic ที่ดีหรือไม่?
เมื่อเจอบริษัทที่ตอบโจทย์แล้ว ให้ปรึกษาคนที่เขาสำเร็จแล้ว ได้ผลลัพธ์แล้ว เขาจะแนะนำ ให้คุณสำเร็จได้เพราะเขาว่ายถึงฝั่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม มีสิ่งหนึ่งที่ผมอยากฝากไว้ก็คือ ในยุคที่เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ทุกครั้งที่เกิดสภาวะแบบนี้ สิ่งที่มักจะเกิด ขึ้นตามมาเสมอก็คือ Money Game ที่สร้างความเสียหาย ทำให้ผู้คนหลงเชื่อ ต้องสูญเสียเงินเป็นจำนวนมาก เพราะความรู้เทเ่าไม่ถึงการณ์ เพราะ Money Game จะคล้ายกับโมเดลของธุรกิจเครือข่าย เมื่อหลายคนหลงเข้าไปทำ ในที่สุดก็ต้องเสียเงิน ทำให้เกิดการเหมารวมว่า นี่ไง! โดนธุรกิจเครือข่ายหลอก
ถ้าเป็นธุรกิจเครือข่าย เขาจะมีรูปแบบการทำธุรกิจและหารายได้ออกแบบไว้ระยะยาวนานมาก
แต่ถ้าเป็น Money Game รูปแบบและแผนการทำธุรกิจ จะดูไม่ออกเลยว่าจะยั่งยืนไปได้นานได้อย่างไรจึงเน้นที่ค่าแรกเข้าเป็นจำนวนเงินสูงมาก แต่กลับไม่เน้นบริโภคระยะยาว
ถ้าเป็นธุรกิจเครือข่าย จะมีสินค้าที่มีคุณภาพอยู่ในแผนธุรกิจแต่ถ้าเป็น Money Game จะไม่มีสินค้าที่จับต้องได้เลย หรือถ้ามี ก็ดูเลื่อนลอย ไม่น่าไว้วางใจ
วิธีที่คุณจะตรวจสอบได้ดีมากๆก็คือ
- ดูว่ามีการรับรองโดยสมาคม TDSA(สมาคมขายตรงแห่งประเทศไทย) , สคบ.(สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค) หรือเปล่า? ถ้าบริษัทไหนมี แปลว่าถูกตรวจสอบและรับรองแล้วว่าทำธุรกิจในรูปแบบที่ถูกต้องตามกฏหมาย
- ถ้าถอดแผนการจ่ายผลตอบแทนทิ้งไป สินค้าหรือบริการนั้นๆ มีความต้องการจริงรึเปล่า มีคนอยากกินอยากใช้จริวหรือเปล่า?
- รายได้ของ Money Game จะเน้นการลงทุนแรกเข้าเป็นหลักไม่เน้นระยะยาว
- Money Game มักจะแซงกันไม่ได้คนมาหลังทำให้คนมาก่อน
ผมอยากบอกว่านี่คือธุรกิจยุคใหม่ รู้มั๊ยครับว่าธุรกิจธุรกิจของผมนั้นมียอกขายเกิน 1,000ล้านบาท/ปี(ยังโตได้อีกเรื่อยๆ) แต่ไม่ต้องสต็อกสินค้าไม่มีเงินกู้ ไม่มีค่าใช้จ่ายคงที่ทุกเดือน ไม่มีพนักงาน มรรายได้แบบวัน/วัน ไม่มีหนี้เสีย
นี่คือยุคของ Access ไม่ใช่ยุคของ Ownership อีกต่อไป ธุรกิจของผมไม่ต่องอะไรกับ Airbnb, Agoda, หรือ Uber ที่ได้เงินทุกวินาทีและมี Input เล็ก แต่มี Output ใหญ่ ซึ่งคนส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจว่าโลกเปลี่ยนไปแล้ว ธุรกิจที่ไม่มีภาระ แต่ Return ยิ่งสูง คือธุรกิจแห่งอนาคต
ทำไมพนักงานประจำควรศึกษาธุรกิจนี้อย่างจริงจังจากคนรู้จริง? เพราะคุณมีข้อจำกัดทั้งเรื่องของเงินและเวลาครับ Passive ทางอื่นๆต้องใช้เงินเยอะต้องใช้ 8-9 หลักเพื่อสร้าง 6-7 หลักต่อเดือน ในขณะที่ NW ใช้แค่หลักร้อย
ธุรกิจเครือข่ายขนาด XL คือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ผมมี Financial Freedom ทำให้เป็นอิสระทั้งเรื่องของเงินและเวลา ทำให้ผมไรกังวลทั้งกายและใจครับ